มารู้จัก “หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum)” ฉบับเข้าใจง่าย

0

ชวนคุณครูมาทำความรู้จัก “หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum)” ฉบับเข้าใจง่าย

บทความนี้จะกล่าวถึง “หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum)” ฉบับเข้าใจง่าย จะมีเนื้อหาเป็นเช่นไรมาดูกันเลย

คุณครูและคุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินคำกล่าวที่ว่าอย่าตัดสินปลาว่าไม่เก่ง เพียงเพราะมันปีนต้นไม้ไม่ได้ อย่าตัดสินลิง ว่าไม่เก่ง เพียงเพราะมันว่ายน้ำไม่เป็นบ้างไหมคะ ? เพราะแต่ละคน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสามารถกันคนละแบบ จึงไม่สามารถใช้เกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งตัดสินทุกคนได้ นี่เป็นแนวคิดที่ทำให้เกิดการศึกษารูปแบบนี้ขึ้นมา ที่มองว่าคนเรามีความถนัดที่แตกต่าง และความแตกต่างนี้เองที่เราควรส่งเสริม จึงทำให้เกิดหลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum)

เพราะทุกคนแตกต่าง และเก่งได้ในสไตล์ของตัวเอง

ย้อนกลับไปในปี 1973 David Clarence McClelland นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน ที่ได้ให้แนวคิดว่า การศึกษาควรเปลี่ยนรูปแบบการวัดผลจากข้อสอบให้เป็นการประเมินสมรรถนะแทน นั่นคือ ให้พิจารณาบุคคลโดยการมองจากภาพรวม ทั้งปัจจัยภายนอก และคุณลักษณะที่ซ่อนอยู่ภายใน ซึ่งสิ่งนี้เองจะผลักดันให้บุคคลนั้นสร้างผลงานที่ดี ในงานที่ตนเองถนัด ซึ่งอาจไม่สามารถวัดได้จากเกรด ใบรับรอง หรือใบประกาศเกียรติคุณต่าง ๆ นั่นเป็นที่มาของการกลับมามองที่การศึกษาว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้เกณฑ์เดียวในการวัดความสามารถของผู้เรียนไปเสียหมด และนั่นคือแนวคิดของ หลักสูตรฐานสมรรถนะ (Competency-based Curriculum) ที่เริ่มเกิดขึ้น

“สมรรถนะ” (Competency) นั้นหมายถึงอะไร

คำว่า “สมรรถนะ” หมายถึง “พฤติกรรม” ที่แสดงออกของบุคคล ผ่านการบูรณาการและประยุกต์ใช้ปัจจัยที่อยู่ภายใน เช่น ความรู้ ทักษะ และคุณลักษณะต่าง ๆ ให้เกิดผลการปฏิบัติงาน และประยุกต์ใช้ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต

หลักคิดของหลักสูตรฐานสมรรถนะ  (Competency-based Curriculum)

  • เก่งในแบบของตัวเอง – เป็นการเรียนเพื่อพัฒนาศักยภาพของผู้เรียนรายบุคคล (Personalization) เพราะคนเราก็มีความถนัด และความเก่งเป็นของตนเอง
  • มีสุขภาวะ – เน้นให้ผู้เรียนเกิดสุขภาวะ (Well-being) ทั้งในด้านสุขภาพ ความฉลาดรู้ สังคมและอารมณ์อย่างสมดุล เพราะสุขภาพดีเป็นพื้นฐานการเรียนรู้ที่สำคัญที่สุด ซึ่งหมายความรวมถึงทั้งสุขภาพกาย และสุขภาพจิตด้วยเช่นกันค่ะ 
  • เรียนไปใช้งานเป็น – พัฒนาสมรรถนะที่จำเป็นเพื่อใช้ในการดำรงชีวิต การแก้ปัญหา ในสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน และการสร้างประโยชน์ต่อสังคม หมดปัญหาเก่งแต่ในตำราแต่นำไปใช้ไม่ได้ เรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่อนุบาลแต่ยังหนีชาวต่างชาติ หมายรวมถึงการใช้ความเก่งอย่างถูกต้อง และเป็นประโยชน์ต่อสังคมด้วย
  • ยืดหยุ่นพร้อมปรับตัว – พัฒนาผู้เรียนให้รู้เท่าทัน และสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคม และความก้าวหน้าทางวิทยาการ เพราะโลกหมุนไปตลอด การเรียนรู้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในตำราที่สร้างขึ้นมาในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ยังศึกษาต่อยอดความรู้ไปได้เรื่อย ๆ

หลักสูตรฐานสมรรถนะประเมินอย่างไร?

การประเมินผลผู้เรียนจาก “สมรรถนะ” นั้นคือการประเมินผู้เรียนจากพฤติกรรม ซึ่งจะต้องมีการกำหนดกรอบสมรรถนะหลัก ที่ประกอบไปด้วยนิยามของแต่ละสมรรถนะ ระดับความเชี่ยวชาญ และพฤติกรรมบ่งชี้ที่มีความชัดเจน จะทำให้ผู้เรียนได้ลงมือทำมากกว่าแค่เรียนรู้จากในตำราเรียน เพื่อให้ได้พัฒนาทักษะที่สามารถนำไปใช้ได้จริงทั้งภายใน และภายนอกห้องเรียน 

โดยการประเมินสมรรถนะที่สำคัญของผู้เรียนตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน นั้นมี 4 ด้าน

  1. ความสามารถในการสื่อสาร เป็นความสามารถในการรับและส่งสาร มีวัฒนธรรมในการใช้ภาษาถ่ายทอดความคิด ความรู้ความเข้าใจ ความรู้สึก และทัศนะของตนเอง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และประสบการณ์อันจะเป็น ประโยชน์ต่อการพัฒนาตนเอง และสังคม รวมทั้งการเจรจาต่อรองเพื่อขจัดและลดปัญหาความขัดแย้งต่าง ๆ การเลือกรับ หรือไม่รับข้อมูลข่าวสารด้วยหลักเหตุผล และความถูกต้อง ตลอดจนการเลือกใช้วิธีการสื่อสาร ที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อตนเอง และสังคม
  2. ความสามารถในการคิด เป็นความสามารถในการคิดวิเคราะห์ การคิดสังเคราะห์ การคิดอย่างสร้างสรรค์ การคิดอย่างมีวิจารณญาณ และการคิดเป็นระบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างองค์ความรู้ หรือสารสนเทศ เพื่อการตัดสินใจเกี่ยวกับตนเอง และสังคมได้อย่างเหมาะสม
  3. ความสามารถในการแก้ปัญหา เป็นความสามารถในการแก้ปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่เผชิญได้อย่างถูกต้องเหมาะสม บนพื้นฐานของหลักเหตุผล คุณธรรม และข้อมูลสารสนเทศ เข้าใจความสัมพันธ์ และการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ต่าง ๆ ในสังคม แสวงหาความรู้ ประยุกต์ความรู้มาใช้ในการป้องกัน และแก้ไขปัญหา และมีการตัดสินใจที่มีประสิทธิภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ต่อตนเอง สังคมและสิ่งแวดล้อม

4. สามารถในการนำกระบวนการต่าง ๆ ไปใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ด้วยตนเอง การเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง การทำงาน และการอยู่ร่วมกันในสังคมด้วยการสร้างเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคล การจัดการปัญหา และความขัดแย้งต่าง ๆ อย่างเหมาะสม การปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคม และสภาพแวดล้อม และการรู้จักหลีกเลี่ยงพฤติกรรมไม่พึงประสงค์ที่ส่งผลกระทบต่อตนเอง และผู้อื่น

จุดเด่นและข้อดีของหลักสูตรฐานสมรรถนะ

ทิศทางของหลักสูตรฐานสมรรถนะในปัจจุบันมีการเติบโต และถูกพัฒนาให้เข้ากับยุคสมัยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้คุณประโยชน์ก็ยิ่งมากมายและหลากหลาย แล้วแต่หรือขึ้นอยู่กับว่าสถาบันใดหรือผู้สอนท่านใดจะนำไปปรับใช้อย่างไร แต่โดยแก่นของตัวหลักสูตรเองแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีจุดเด่นและข้อดีที่ควรค่าแก่การหยิบยกมาพูดถึง ได้แก่

  1. หลักสูตรสมรรถนะช่วยสร้างผู้สำเร็จการศึกษาที่มีความเป็นเลิศในการปรับตัว, ประยุกต์ใช้ และต่อยอดทักษะและความรู้
  2. หลักสูตรสมรรถนะช่วยสร้างผู้สำเร็จการศึกษาที่มีทักษะสอดคล้องกับงาน/อาชีพที่มีตรงความต้องการของตัวเองอย่างแท้จริง อันจะส่งผลดีถึงสถานประกอบการหรืออาชีพในอนาคตที่ผู้สำเร็จการศึกษาจะทำด้วย
  3. หลักสูตรฐานสมรรถนะช่วยลดสาระการเรียนรู้ที่ไม่จำเป็น โดยในที่นี้ หมายถึงการโฟกัสกับการท่องจำ หรือการพยายามจดจำทุกเนื้อหาโดยละเลยการพัฒนาทักษะ หรือความเข้าใจของผู้เรียนอย่างแท้จริง
  4. หลักสูตรฐานสมรรถนะช่วยลดภาระ และเวลาในการสอบตามตัวชี้วัดจำนวนมากอย่างที่เคยเป็นมาตลอด เพราะสามารถวัดและประเมินผลผู้เรียนด้วยการสังเกตพฤติกรรมของผู้เรียนที่แสดงให้เห็นถึงสมรรถนะหลักของแต่ละบุคคล

หลักสูตรฐานสมรรถนะ  (Competency-based Curriculum) โดยสรุปจึงถือเป็นการเรียนที่เปิดกว้างในแง่ของความหลากหลายในความถนัด ซึ่งในขณะเดียวกันก็เข้าใจความเป็นปัจเจกของบุคคลที่มีความแตกต่าง นับเป็นความก้าวหน้าในการเรียนการสอนไปอีกขึ้นหนึ่ง ที่ทำให้สามารถมองการเรียนการสอนในหลายมิติมากขึ้น

อ้างอิง

นอกจากนี้ท่านยังสามารถ อัพเดต ติดตามข้อมูลข่าวสาร แผนการจัดการเรียนการสอน สื่อการเรียนการสอน รวมถึงสาระดีดี ได้ที่ www.krumaiiam.com
Facebook Fanpage : krumaiiam เพราะเราคือครูรุ่นใหม่
Facebook Fanpage : วิถีครูเวร
Facebook Group: แบ่งปันสื่อการสอน by krumai

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

You may have missed