a red, white and blue flag flying in the wind
| |

สรุปไทม์ไลน์วิกฤตการเมืองไทย 2568: จากภูมิใจไทยถอนตัว สู่การสั่งพักงานนายกฯ แพทองธาร

สถานการณ์การเมืองไทยในช่วง 2 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 18 มิถุนายน ถึง 3 กรกฎาคม 2568 ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความผันผวนที่รุนแรงและรวดเร็วที่สุดครั้งหนึ่ง โดยมีจุดเปลี่ยนสำคัญคือการถอนตัวของพรรคภูมิใจไทยจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งนำไปสู่การท้าทายเสถียรภาพของรัฐบาล และสิ้นสุดลงด้วยการที่นายกรัฐมนตรีถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่

1. จุดเริ่มต้นของรอยร้าว: 18-19 มิ.ย. – ภูมิใจไทยถอนตัว

  • ชนวนเหตุ: วิกฤตการณ์ปะทุขึ้นอย่างเป็นทางการในคืนวันที่ 18 มิถุนายน 2568 เมื่อพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ประกาศถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล โดยให้เหตุผลสำคัญจากกรณี “คลิปเสียงหลุด” การสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเห็นว่าเนื้อหาการสนทนาดังกล่าวส่งผลกระทบต่อเกียรติภูมิ ศักดิ์ศรี และอธิปไตยของชาติ
  • ผลกระทบทันที: รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยทั้ง 8 คน นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง โดยให้มีผลในวันที่ 19 มิถุนายน ทำให้รัฐบาลของพรรคเพื่อไทยสูญเสียเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรไปทันทีและกลายเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย”

2. สุญญากาศและความพยายามประคองรัฐบาล: 19-30 มิ.ย.

  • รัฐบาลเสียงข้างน้อย: สถานะของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สั่นคลอนอย่างหนัก พรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งฝ่ายค้านและพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ต่างออกมาแสดงท่าที โดยพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีลาออกหรือยุบสภาเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
  • การปรับคณะรัฐมนตรี: ท่ามกลางความวุ่นวาย มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี “แพทองธาร 2” ซึ่งเป็นการปรับทัพเพื่อรับมือกับสถานการณ์ โดยมีการสลับตำแหน่งสำคัญและดึงบุคคลเข้ามาเสริมทีม แต่ก็ยังไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ทั้งหมด
  • แรงกดดันรอบด้าน: น.ส.แพทองธาร พยายามเดินหน้าปฏิบัติภารกิจต่อ โดยได้เรียกประชุมหน่วยงานความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศเพื่อชี้แจงสถานการณ์ แต่ก็ต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาลจากทั้งในและนอกสภา

3. จุดเปลี่ยนสู่ศาลรัฐธรรมนูญ: 1 ก.ค.

  • คำร้องของ สว.: วิกฤตการณ์ได้ยกระดับเข้าสู่กระบวนการทางตุลาการ เมื่อกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้วินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดลงหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) โดยอ้างถึงการกระทำที่เข้าข่ายขัดต่อผลประโยชน์ของชาติและมีลักษณะต้องห้ามจากกรณีคลิปเสียงสนทนาดังกล่าว
  • ศาลรับคำร้องและสั่งพักงาน: ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีมติเป็นเอกฉันท์ (9:0) รับคำร้อง ของ สว. ไว้วินิจฉัย และมีมติเสียงข้างมาก (7:2) สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันเดียวกันเป็นต้นไป จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย โดยให้เหตุผลว่าปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่าจะมกรณีตามที่ถูกร้อง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง

4. ผลพวงและการแต่งตั้งผู้รักษาการ: 1-3 ก.ค.

  • สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการนายกฯ: หลังคำสั่งศาล ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่างลงชั่วคราว ตามลำดับแล้ว นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เข้ารับตำแหน่ง “ผู้รักษาการนายกรัฐมนตรี” เพื่อให้การบริหารราชการแผ่นดินดำเนินต่อไปได้
  • สิ้นสุดสถานะรัฐบาลแพทองธาร (ชั่วคราว): น.ส.แพทองธาร ได้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งศาล โดยยังคงเหลือเพียงตำแหน่ง สส. และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขณะที่คณะรัฐมนตรีชุด “แพทองธาร 2” ที่เพิ่งโปรดเกล้าฯ ได้เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณในวันที่ 3 กรกฎาคม เพื่อเริ่มปฏิบัติหน้าที่ภายใต้การนำของผู้รักษาการนายกรัฐมนตรีต่อไป

โดยสรุป ช่วงเวลาเพียงสองสัปดาห์นี้ ได้พลิกโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง จากความขัดแย้งภายในพรรคร่วมรัฐบาลที่นำไปสู่การถอนตัว ได้ลุกลามบานปลายเป็นวิกฤตศรัทธา และจบลงด้วยการใช้อำนาจขององค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่สภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *