Blog

  • ถ่ายทอดสด! ไทย vs โดมินิกัน เดิมพันสุดท้ายลูกยางสาวไทย VNL 2025 วันนี้

    ถ่ายทอดสด! ไทย vs โดมินิกัน เดิมพันสุดท้ายลูกยางสาวไทย VNL 2025 วันนี้

    เดินทางมาถึงนัดสุดท้ายของรอบแรก! ทัพนักตบลูกยางสาว ทีมชาติไทย มีโปรแกรมลงสนามนัดที่ 12 ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายของศึกวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ ลีก 2025 (VNL 2025) พบกับ ทีมชาติสาธารณรัฐโดมินิกัน ทีมแกร่งจากโซนคอนคาเคฟ เจ้าของฉายา “ราชินีแห่งแคริบเบียน” (Reinas del Caribe)

    แมตช์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทีมชาติไทย ที่ต้องการเก็บชัยชนะเพื่อทำอันดับให้ดีที่สุดและส่งท้ายทัวร์นาเมนต์อย่างน่าประทับใจ แฟนกีฬาชาวไทยสามารถร่วมส่งใจเชียร์และชม ถ่ายทอดสด การแข่งขันได้ในเช้าวันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 (ตามเวลาประเทศไทย)

    ช่องทางรับชมการถ่ายทอดสด ไทย พบ โดมินิกัน

    แฟนวอลเลย์บอลสามารถรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันนัดนี้ได้หลายช่องทาง:

    • วัน/เวลาแข่งขัน: วันเสาร์ที่ 12 กรกฎาคม 2568 เวลา 04:00 น. (เช้ามืดวันเสาร์) ตามเวลาในประเทศไทย
    • สนาม: คอลเลจ พาร์ค เซนเตอร์, เมืองอาร์ลิงตัน รัฐเท็กซัส สหรัฐอเมริกา
    • ถ่ายทอดสดทางทีวี: ช่อง 7HD (กด 35)
    • ถ่ายทอดสดออนไลน์: VBTV, Bugaboo.TV, Ch7HD

    สถานการณ์ล่าสุดของทั้งสองทีม

    • ทีมชาติไทย: ก่อนลงสนามนัดนี้ ทัพสาวไทยรั้งอันดับ 17 ของตาราง จากผลงานชนะ 1 แพ้ 10 นัด มี 5 คะแนน การพ่ายแพ้ต่อ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี และ จีน ใน 3 นัดแรกของสัปดาห์ที่ 3 ทำให้สถานการณ์ของทีมค่อนข้างกดดัน และจำเป็นต้องพยายามเก็บชัยชนะในนัดนี้ให้ได้เพื่อโอกาสในการขยับอันดับหนีโซนท้ายตาราง
    • ทีมชาติสาธารณรัฐโดมินิกัน: ทีมอันดับ 9 ของโลก มีผลงาน ชนะ 4 แพ้ 7 นัด มี 10 คะแนน รั้งอันดับ 11 ของตาราง พวกเขายังคงมีลุ้นทำอันดับเพื่อผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่จำเป็นต้องเก็บชัยชนะในนัดที่เหลือให้ได้ทั้งหมด ดังนั้นเกมนี้พวกเขาจึงใส่เต็มที่อย่างแน่นอน

    สถิติการพบกัน 5 นัดหลังสุด (Head-to-Head)

    สถิติการพบกันในช่วงหลังค่อนข้างสูสี โดย 5 ครั้งหลังสุดที่เจอกัน ผลัดกันแพ้-ชนะ ดังนี้

    • VNL 2024: ไทย ชนะ 3-1 เซต
    • ชิงแชมป์โลก 2022: ไทย ชนะ 3-2 เซต
    • VNL 2022: ไทย แพ้ 1-3 เซต
    • VNL 2021: ไทย แพ้ 0-3 เซต
    • VNL 2019: ไทย แพ้ 2-3 เซต

    บทวิเคราะห์ก่อนเกม

    ถือเป็นงานหนักสำหรับทีมชาติไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อต้องเจอกับโดมินิกันที่มีความแข็งแกร่งทั้งในเรื่องของพลังการตบและความสูงใหญ่ของรูปร่าง แต่จากสถิติที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นว่า สาวไทยสามารถใช้ความเร็ว ความเหนียวแน่น และทีมเวิร์คเข้าสู้ได้อย่างไม่เป็นรอง

    หัวใจสำคัญของเกมนี้จะอยู่ที่เกมเสิร์ฟของไทยที่จะต้องตัดเกมรุกของคู่แข่งให้ได้ และเกมรับที่ต้องเหนียวแน่นเป็นพิเศษเพื่อรอโอกาสในการสวนกลับเร็ว แฟนๆ ต้องร่วมส่งกำลังใจให้สาวไทยสู้สุดใจและคว้าชัยชนะนัดสั่งลามาครองให้สำเร็จ

  • ย้อนรอยโศกนาฏกรรม Air India: 3 เหตุการณ์เครื่องบินตกที่โลกไม่เคยลืม

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม Air India: 3 เหตุการณ์เครื่องบินตกที่โลกไม่เคยลืม

    ในประวัติศาสตร์อันยาวนานของสายการบินแห่งชาติอินเดีย Air India แม้จะเต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งความสำเร็จ แต่ก็มีหน้าประวัติศาสตร์ที่เปื้อนคราบน้ำตาจากอุบัติเหตุและโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่หลายครั้ง คำว่า “Air India plane crash” จึงมักถูกเชื่อมโยงกับเหตุการณ์สำคัญ 3 ครั้งที่สร้างความสะเทือนใจและกลายเป็นบทเรียนสำคัญให้กับอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก

    บทความนี้จะพาทุกท่านย้อนรอยโศกนาฏกรรมเหล่านั้น เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตและเรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต

    1. Air India Flight 182 (1985): การก่อการร้ายกลางมหาสมุทรแอตแลนติก

    เหตุการณ์นี้ไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็น การก่อการร้าย ที่โหดร้ายและน่าสลดใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การบินก่อนเหตุการณ์ 9/11

    • วันที่เกิดเหตุ: 23 มิถุนายน 1985
    • เหตุการณ์: เครื่องบินโบอิ้ง 747 ที่เดินทางจากมอนทรีออล ประเทศแคนาดา มุ่งหน้าสู่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้เกิดการระเบิดกลางอากาศและตกลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกนอกชายฝั่งไอร์แลนด์
    • ผู้เสียชีวิต: 329 คน (ผู้โดยสาร 307 คน และลูกเรือ 22 คน) เสียชีวิตทั้งหมด
    • สาเหตุ: การสืบสวนพบว่าสาเหตุมาจากการลอบวางระเบิดในกระเป๋าสัมภาระที่ถูกโหลดขึ้นเครื่อง โดยกลุ่มแบ่งแยกดินแดนชาวซิกข์ในแคนาดา เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของรัฐบาลอินเดีย โศกนาฏกรรมครั้งนี้ได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงมาตรการรักษาความปลอดภัยของสัมภาระในสนามบินทั่วโลกอย่างเข้มงวด

    2. Air India Express Flight 812 (2010): โศกนาฏกรรมที่มังคาลอร์

    เป็นอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งแรกในรอบทศวรรษของสายการบิน Air India Express ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำในเครือ

    • วันที่เกิดเหตุ: 22 พฤษภาคม 2010
    • เหตุการณ์: เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ที่เดินทางจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ได้เกิดอุบัติเหตุขณะพยายามลงจอดที่สนามบินนานาชาติมังคาลอร์ ประเทศอินเดีย เครื่องบินได้ไถลออกนอกรันเวย์ซึ่งเป็น “รันเวย์บนยอดเขา” (Tabletop runway) พุ่งตกลงไปในหุบเขาและเกิดเพลิงไหม้
    • ผู้เสียชีวิต: 158 คน รอดชีวิตเพียง 8 คน
    • สาเหตุ: คณะกรรมการสืบสวนสรุปว่าสาเหตุหลักมาจากความผิดพลาดของนักบิน (Pilot error) ที่ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนการลงจอดมาตรฐาน

    3. Air India Express Flight 1344 (2020): เหตุลื่นไถลกลางสายฝนที่โคชิโคด

    โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ที่มังคาลอร์ และเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา

    • วันที่เกิดเหตุ: 7 สิงหาคม 2020
    • เหตุการณ์: เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ที่เดินทางจากดูไบเช่นกัน ประสบอุบัติเหตุขณะลงจอดที่สนามบินนานาชาติโคชิโคด (Calicut) ท่ามกลางทัศนวิสัยย่ำแย่และฝนที่ตกหนักจากมรสุม เครื่องบินได้ลื่นไถลออกนอกรันเวย์และตกลงไปในพื้นที่ต่างระดับ ทำให้ลำตัวเครื่องบินหักออกเป็นสองท่อน
    • ผู้เสียชีวิต: 21 คน ซึ่งรวมถึงนักบินและนักบินผู้ช่วย แต่มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากถึง 169 คน เนื่องจากไม่เกิดเพลิงไหม้หลังเกิดเหตุ
    • สาเหตุ: ปัจจัยหลักมาจากสภาพอากาศที่เลวร้ายและการตัดสินใจของนักบินในการลงจอด

    บทเรียนจากโศกนาฏกรรม

    แม้แต่ละเหตุการณ์จะนำมาซึ่งความสูญเสียอันประเมินค่าไม่ได้ แต่ทั้งหมดได้กลายเป็นบทเรียนสำคัญที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาระบบความปลอดภัยทางการบินให้ดียิ่งขึ้น ตั้งแต่การตรวจสอบสัมภาระ, การฝึกอบรมนักบิน ไปจนถึงการออกแบบและปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยของสนามบินทั่วโลก

    แหล่งข้อมูล

    Wikipedia en.wikipedia.org Air India Flight 182 – Wikipedia

    The New Indian Express

    Wikipedia en.wikipedia.org Air India Express Flight 812 – Wikipedia

    en.wikipedia.org Air India Express Flight 1344 – Wikipedia

  • มอหินขาว “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ที่เที่ยวชัยภูมิสุดอันซีนที่ต้องไปเยือน

    มอหินขาว “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” ที่เที่ยวชัยภูมิสุดอันซีนที่ต้องไปเยือน

    เมื่อพูดถึง ที่เที่ยวชัยภูมิ หลายคนอาจนึกถึงทุ่งดอกกระเจียว แต่ยังมีอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสุดมหัศจรรย์ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สโตนเฮนจ์เมืองไทย” นั่นก็คือ มอหินขาว กลุ่มหินทรายสีขาวขนาดมหึมาที่ตั้งตระหง่านท้าทายกาลเวลามานับล้านปี ณ อุทยานแห่งชาติภูแลนคา

    มอหินขาว ไม่ได้เป็นเพียงแค่ก้อนหิน แต่เป็นประติมากรรมทางธรรมชาติที่เกิดจากการกัดเซาะของลมฝนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยุคเมโสโซอิก ประกอบด้วยกลุ่มหินรูปร่างแปลกตาหลายกลุ่มกระจายตัวกันอยู่บนทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ทำให้เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยงามและแปลกตาอย่างยิ่ง

    ไฮไลท์ห้ามพลาดที่มอหินขาว

    • กลุ่มหินที่ 1 (กลุ่มเสาหิน 5 ต้น): เป็นกลุ่มหินที่โดดเด่นและเป็นภาพจำของมอหินขาวที่สุด ประกอบด้วยแท่งหินขนาดใหญ่ 5 ต้น สูงประมาณ 12 เมตร เป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวทุกคนต้องมาเช็กอิน
    • กลุ่มหินที่ 2 (ลานหินต้นไทร): มีหินรูปร่างคล้ายเจดีย์และรองเท้าบูท เป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจและมีต้นไทรใหญ่ให้ร่มเงา
    • จุดชมวิวผาหัวนาค: อยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์และพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของอุทยานแห่งชาติภูแลนคา
    • การชมดาวยามค่ำคืน: ในช่วงฤดูหนาวที่ฟ้าโปร่ง มอหินขาวคือหนึ่งในสถานที่ดูดาวและถ่ายภาพทางช้างเผือกที่สวยที่สุดในประเทศไทย เนื่องจากมีมลภาวะทางแสงน้อยมาก

    การเดินทางและช่วงเวลาที่เหมาะสม

    มอหินขาวตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูแลนคา การเดินทางสะดวกสบายด้วยรถยนต์ส่วนตัว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการมาเยือนคือช่วงปลายฝนต้นหนาวไปจนถึงฤดูหนาว (ตุลาคม – กุมภาพันธ์) เพราะอากาศจะเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส เหมาะแก่การถ่ายรูปและกิจกรรม กางเต็นท์ ที่ลานกางเต็นท์ของอุทยานฯ

    มอหินขาว ชัยภูมิ จึงเป็นมากกว่าแค่ที่เที่ยว แต่เป็นดินแดนมหัศจรรย์ที่รอให้ทุกคนมาสัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติด้วยตาตัวเอง

  • กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ 12-19 ก.ค. 68 ทั่วไทยรับมือฝนตกหนักจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

    กรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศ 12-19 ก.ค. 68 ทั่วไทยรับมือฝนตกหนักจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้

    กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศพยากรณ์อากาศรายสัปดาห์ เตือนประชาชนทั่วทุกภาคของประเทศไทย เตรียมพร้อมรับมือกับสภาพอากาศแปรปรวนและฝนที่เพิ่มมากขึ้นตลอดสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 12 – 19 กรกฎาคม 2568 เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางถึงค่อนข้างแรงยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยอย่างต่อเนื่อง

    โดยเฉพาะในช่วงต้นสัปดาห์ (12-16 ก.ค.) หลายพื้นที่จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้

    คำเตือนพิเศษ: ฝนตกหนักถึงหนักมาก (12-16 กรกฎาคม 2568)

    กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนภัย ฉบับที่ 4 (ณ วันที่ 12 ก.ค. 68) ให้ประชาชนเฝ้าระวังเป็นพิเศษในพื้นที่ดังต่อไปนี้

    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, ตาก, สุโขทัย, กำแพงเพชร, พิจิตร, พิษณุโลก และเพชรบูรณ์
    • ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เลย, หนองคาย, บึงกาฬ, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ และขอนแก่น
    • ภาคกลาง: นครสวรรค์, อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ลพบุรี และสระบุรี
    • ภาคตะวันออก: นครนายก, ปราจีนบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ระยอง, จันทบุรี และตราด
    • ภาคใต้: ระนอง, พังงา, ภูเก็ต และกระบี่

    พยากรณ์อากาศรายภาค (12 – 19 กรกฎาคม 2568)

    ภาคเหนือ

    • ช่วงวันที่ 12-16 ก.ค.: มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
    • ช่วงวันที่ 17-19 ก.ค.: มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-35 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

    • ช่วงวันที่ 12-16 ก.ค.: มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง
    • ช่วงวันที่ 17-19 ก.ค.: มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส

    ภาคกลาง

    • มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 12-15 ก.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออก

    • มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดสัปดาห์ ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

    • มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

    • มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตลอดสัปดาห์ ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

    • มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และอาจมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

    ข้อควรระวัง: ขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และระมัดระวังอันตรายจากสภาพอากาศที่แปรปรวน สำหรับชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง

  • สรุปผล VNL 2025: ทัพลูกยางสาวไทยสู้สุดใจ แต่ยังต้องลุ้นหนีตกชั้นนัดสุดท้าย

    สรุปผล VNL 2025: ทัพลูกยางสาวไทยสู้สุดใจ แต่ยังต้องลุ้นหนีตกชั้นนัดสุดท้าย

    การแข่งขันวอลเลย์บอลหญิงเนชันส์ ลีก 2025 (VNL 2025) ได้เดินทางมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของรอบแรกอย่างดุเดือด โดยทัพนักตบลูกยางสาวไทยต้องเผชิญกับบททดสอบสุดหินในสนามที่ 3 ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งผลการแข่งขันที่ออกมาทำให้สถานการณ์ของทีมไทยยังคงต้องลุ้นอย่างหนักในนัดสุดท้ายเพื่ออยู่รอดในลีกระดับโลกต่อไป

    บทสรุปผลงานทีมชาติไทยในสนามที่ 3

    ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของ “โค้ชยะ” น.ท.ณัฐพนธ์ ศรีสมุทรนาค และการนำทัพของผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง “ชมพู่” พรพรรณ เกิดปราชญ์ และ “เพียว” อัจฉราพร คงยศ ต้องเจอกับโปรแกรมสุดโหดเมื่อต้องพบกับทีมระดับท็อปของโลกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผลการแข่งขัน 3 นัดแรกในสนามนี้เป็นดังนี้:

    • แพ้ สหรัฐอเมริกา 1-3 เซต (26-28, 25-21, 25-27, 15-25)
    • แพ้ เยอรมนี 0-3 เซต (24-26, 19-25, 11-25)
    • แพ้ สาธารณรัฐโดมินิกัน 0-3 เซต (21-25, 18-25, 23-25)

    จากการพ่ายแพ้ 3 นัดรวด ทำให้สถานการณ์ของทีมไทยในตารางคะแนนค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยปัจจุบันรั้งอันดับที่ 17 ของตาราง มี 5 คะแนน จากการชนะ 1 แพ้ 10 นัด

    เงื่อนไขสำคัญ: “นัดชี้ชะตา” พบกับแคนาดา และลุ้นผลเกาหลีใต้

    ภารกิจสำคัญที่สุดของทีมชาติไทยคือการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแรก ที่จะพบกับ ทีมชาติแคนาดา ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2568 ซึ่งเป็นแมตช์ที่สาวไทยต้องพยายามเก็บชัยชนะและคะแนนให้ได้มากที่สุด

    อย่างไรก็ตาม การจะอยู่รอดใน VNL ต่อไป ไม่ได้ขึ้นอยู่กับผลงานของทีมไทยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องลุ้นให้ ทีมชาติเกาหลีใต้ ซึ่งปัจจุบันรั้งอันดับสุดท้ายของตาราง (อันดับ 18) ไม่สามารถเก็บคะแนนเพิ่มได้ใน 2 นัดที่เหลือของพวกเขา (พบกับ บัลแกเรีย และ ฝรั่งเศส) หากเกาหลีใต้ไม่สามารถทำคะแนนเพิ่มได้ ทีมไทยก็จะการันตีการอยู่รอดใน VNL 2026 ทันที

    ภาพรวมการแข่งขันรอบสุดท้าย (Final Round)

    ในขณะที่ทีมไทยกำลังต่อสู้เพื่อหนีตกชั้น กลุ่มทีมหัวตารางก็กำลังขับเคี่ยวกันเพื่อแย่งชิงอันดับที่ดีที่สุดในการเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงและเป็นตัวเต็งแชมป์ในปีนี้ ได้แก่ อิตาลี, บราซิล, โปแลนด์, ญี่ปุ่น และ ตุรกี ซึ่งมีคะแนนเกาะกลุ่มกันอยู่อย่างเหนียวแน่น

    แฟนวอลเลย์บอลชาวไทยต้องร่วมส่งใจเชียร์ทัพนักตบลูกยางสาวไทยในนัดสุดท้ายกับแคนาดา พร้อมทั้งติดตามผลการแข่งขันของเกาหลีใต้อย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทีมชาติไทยสามารถบรรลุเป้าหมายในการแข่งขัน VNL ปีนี้ได้สำเร็จ

  • เสก โลโซ: ตำนานร็อกแอนด์โรลผู้ไม่เคยตายไปจากใจคนไทย

    เสก โลโซ: ตำนานร็อกแอนด์โรลผู้ไม่เคยตายไปจากใจคนไทย

    ในหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีไทย ชื่อของ เสก โลโซ หรือ เสกสรรค์ ศุขพิมาย คือชื่อที่ถูกจารึกไว้ในฐานะ “ตำนานร็อกแอนด์โรล” ที่ยังคงหายใจ ศิลปินผู้สร้างสรรค์บทเพลงอมตะมากมายที่กลายเป็นเพลงชาติของคนทุกยุคทุกสมัย และเป็นเจ้าของเรื่องราวชีวิตที่เข้มข้นยิ่งกว่านวนิยาย ซึ่งไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ชื่อของเขาก็ไม่เคยเลือนหายไปจากความสนใจของผู้คน

    จากเด็กหนุ่มโคราชสู่ฟรอนต์แมนวง LOSO

    เสกสรรค์ ศุขพิมาย เริ่มต้นเส้นทางสายดนตรีด้วยการก่อตั้งวง “โลโซ” (Loso) ในช่วงกลางยุค 90s และได้สร้างปรากฏการณ์ให้กับวงการเพลงไทยด้วยอัลบั้มชุดแรก “Lo Society” (2539) โลโซได้ปล่อยผลงานเพลงฮิตออกมาอย่างต่อเนื่องซึ่งล้วนกลายเป็นเพลงอมตะที่ทุกคนร้องตามได้จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น:

    • ใจสั่งมา
    • ซมซาน
    • เราและนาย
    • ไม่ต้องห่วงฉัน
    • อะไรก็ยอม
    • มอ’ไซค์รับจ้าง

    ด้วยดนตรีร็อกแอนด์โรลที่หนักแน่นแต่ติดหู เนื้อเพลงที่ตรงไปตรงมาและเข้าถึงง่าย ประกอบกับคาแรคเตอร์สุดเท่ของเสก ทำให้โลโซกลายเป็นวงดนตรีร็อกอันดับหนึ่งของประเทศอย่างไม่มีข้อกังขา

    ชีวิตศิลปินเดี่ยวและมรสุมดราม่า

    หลังจากยุติบทบาทวงโลโซ เสกได้ก้าวเดินต่อในฐานะศิลปินเดี่ยว “SEK LOSO” และยังคงผลิตผลงานเพลงฮิตออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในขณะเดียวกัน ชีวิตของเขาก็ต้องเผชิญกับมรสุมข่าวและดราม่าส่วนตัวมากมาย ทั้งปัญหาครอบครัวที่กลายเป็นข่าวดังระดับประเทศ, ปัญหาสุขภาพทั้งทางกายและจิตใจที่เขาต้องต่อสู้ ไปจนถึงคดีความต่างๆ ที่ทำให้เขาต้องขึ้นโรงขึ้นศาล

    เรื่องราวเหล่านี้ได้กลายเป็นภาพจำอีกด้านหนึ่งของเขา แต่ในทางกลับกัน มันก็ยิ่งตอกย้ำภาพความเป็น “ร็อกสตาร์” ที่ใช้ชีวิตอย่างสุดโต่งและไม่เคยยอมแพ้ต่อโชคชะตา

    ชีวิตปัจจุบัน (อัปเดต กรกฎาคม 2025)

    ณ ปัจจุบัน เสก โลโซ ยังคงยืนหยัดอยู่ในเส้นทางสายดนตรีอย่างแข็งแกร่ง เขายังคงมีตารางทัวร์คอนเสิร์ตทั่วประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบัตรยังคงขายดีและมีแฟนเพลงไปให้กำลังใจอย่างล้นหลามเสมอ พิสูจน์ให้เห็นว่าบทเพลงของเขานั้นเป็นอมตะอย่างแท้จริง

    ในด้านชีวิตส่วนตัว ดูเหมือนว่ามรสุมต่างๆ จะเริ่มสงบลง เขาใช้ชีวิตครอบครัวอย่างเรียบง่ายและมีความสุขกับภรรยาคนปัจจุบัน กุญช์ภัสส์ พรปวีณ์วรกุล (กุ๊กกิ๊ก) ซึ่งคอยเป็นกำลังใจและอยู่เคียงข้างเขามาโดยตลอด

    เสก โลโซ คือบทพิสูจน์ของคำว่าศิลปินที่แท้จริง ผู้ที่แม้ชีวิตจะผ่านร้อนผ่านหนาวและมรสุมมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลงานเพลงที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นจากหัวใจ ก็ยังคงทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ เป็นทั้งเพื่อนปลอบใจ เป็นพลังใจ และเป็นซาวด์แทร็กประกอบชีวิตของผู้คนมากมายทั่วประเทศไทย

  • จากคดีดัง-ให้เพราะรัก ทวงคืนได้ไหม? เปิดกฎหมาย “ให้โดยเสน่หา” เลิกกันแล้วต้องรู้

    จากคดีดัง-ให้เพราะรัก ทวงคืนได้ไหม? เปิดกฎหมาย “ให้โดยเสน่หา” เลิกกันแล้วต้องรู้

    “ตอนรักกันอะไรก็ให้ได้” ประโยคคลาสสิกที่เกิดขึ้นในหลายความสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง, รถยนต์, บ้าน หรือทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ที่มอบให้กันเพื่อแสดงความรัก แต่เมื่อความรักเดินทางมาถึงทางตัน คำถามที่ตามมาคือ “ของที่ให้ไปทั้งหมด ทวงคืนได้ไหม?”

    ในทางกฎหมาย เรื่องนี้มีคำตอบที่ชัดเจนอยู่ในตัวบทกฎหมายที่เรียกว่า “การให้โดยเสน่หา” ซึ่งคนมีคู่หรือคนที่กำลังจะเลิกราทุกคนควรทำความเข้าใจ

    หลักกฎหมายสำคัญ: “ให้แล้วให้เลย ทวงคืนไม่ได้”

    ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ป.พ.พ.) ว่าด้วยเรื่อง “ให้” การให้โดยเสน่หา คือการโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของตนให้แก่บุคคลอื่น โดยไม่มีค่าตอบแทน เมื่อผู้ให้ได้ส่งมอบทรัพย์สินนั้นให้แก่ผู้รับแล้ว การให้ถือว่าสมบูรณ์ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินจะตกเป็นของผู้รับทันที

    ดังนั้น หลักการสำคัญที่สุดคือ เมื่อให้โดยสมัครใจในขณะที่รักกันดี ทรัพย์สินนั้นจะตกเป็นของผู้รับโดยสมบูรณ์ ผู้ให้ไม่มีสิทธิ์ทวงคืนได้ แม้ภายหลังจะเลิกรากัน หรือฝ่ายผู้รับไปมีคนใหม่ก็ตาม เพราะการเลิกราหรือการนอกใจ ไม่ใช่เหตุผลทางกฎหมายที่จะใช้เรียกทรัพย์สินคืนได้

    ข้อยกเว้น! กรณีที่กฎหมายอนุญาตให้ “ทวงคืน” ได้

    แม้หลักการคือให้แล้วทวงคืนไม่ได้ แต่กฎหมายก็เปิดช่องให้ผู้ให้สามารถฟ้องร้องเรียกทรัพย์สินคืนได้ในกรณีพิเศษ ซึ่งเรียกว่า “เหตุเนรคุณ” ตามมาตรา 531 ซึ่งหมายถึงผู้รับกระทำการในลักษณะที่ร้ายแรงต่อผู้ให้ ดังนี้

    1. ประทุษร้ายต่อตัวผู้ให้: ผู้รับได้กระทำการประทุษร้ายต่อร่างกายหรือจิตใจของผู้ให้ หรือพ่อแม่, ภรรยา/สามี หรือผู้สืบสันดานของผู้ให้ อย่างร้ายแรง และเป็นความผิดอาญา
    2. ทำให้ผู้ให้เสียชื่อเสียง: ผู้รับได้ทำให้ผู้ให้ หรือบุคคลในครอบครัวของผู้ให้เสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรง หรือหมิ่นประมาทผู้ให้อย่างร้ายแรง
    3. ไม่ตอบแทนเลี้ยงดู: ในกรณีที่ผู้ให้ยากไร้ลง และผู้รับซึ่งสามารถช่วยเหลือได้ กลับปฏิเสธที่จะให้การเลี้ยงดูตามสมควรแก่ผู้ให้

    จะเห็นได้ว่า “เหตุเนรคุณ” เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก การเลิกรา, การมีกิ๊ก หรือการนอกใจทั่วไป ไม่ถือเป็นเหตุเนรคุณ ที่จะใช้ฟ้องเรียกคืนของขวัญได้

    ข้อควรรู้: “ของขวัญ” ต่างจาก “ของหมั้น” และ “สินสอด”

    สิ่งสำคัญที่ต้องแยกให้ออกคือทรัพย์สินที่ให้กันในโอกาสต่างๆ:

    • ของขวัญ (ให้โดยเสน่หา): คือสิ่งที่ให้กันระหว่างที่คบหาดูใจกัน แสดงความรักในโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด, วันวาเลนไทน์ กลุ่มนี้ทวงคืนไม่ได้
    • ของหมั้น: คือทรัพย์สินที่ฝ่ายชายมอบให้ฝ่ายหญิง เพื่อเป็นหลักฐานว่าจะสมรสด้วยในอนาคต หากต่อมาฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้น (เช่น นอกใจ, ไม่ยอมแต่งงาน) ฝ่ายชายสามารถเรียกคืนของหมั้นได้
    • สินสอด: คือทรัพย์สินที่ฝ่ายชายมอบให้แก่บิดามารดา หรือผู้ปกครองของฝ่ายหญิง เพื่อตอบแทนการที่ได้เลี้ยงดูฝ่ายหญิงมา ถือว่าให้แล้วให้เลย ไม่สามารถเรียกคืนได้

    ข้อแนะนำ: ก่อนจะเปย์หนัก คิดให้รอบคอบ

  • ซี วี.ลีก 2025: ทัพลูกยางหนุ่มไทยฟอร์มแรง ล่าแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน

    ซี วี.ลีก 2025: ทัพลูกยางหนุ่มไทยฟอร์มแรง ล่าแชมป์สมัยที่ 2 ติดต่อกัน

    การแข่งขันวอลเลย์บอลระดับอาเซียนที่แฟนๆ รอคอย “ซี วี.ลีก” (SEA V.League) ประจำปี 2025 ประเภททีมชาย ได้เปิดฉากขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ โดยทัวร์นาเมนต์ในปีนี้มีความพิเศษกว่าครั้งก่อนๆ ด้วยการเพิ่มทีมเข้าร่วมการแข่งขันเป็น 5 ชาติ ได้แก่ ไทย, เวียดนาม, อินโดนีเซีย, ฟิลิปปินส์ และ กัมพูชา ซึ่งจะทำการแข่งขันกัน 2 สนามเพื่อหาแชมป์แห่งอาเซียน

    สำหรับทัพนักตบลูกยางชายทีมชาติไทย ดีกรีแชมป์เก่าเมื่อปี 2024 ก็ออกสตาร์ทได้อย่างร้อนแรงในการแข่งขันสัปดาห์แรก ณ เมืองคันดอน ประเทศฟิลิปปินส์ (9-13 กรกฎาคม 2025) และกำลังอยู่ในเส้นทางของการป้องกันแชมป์

    ผลงานสุดปังของทัพหนุ่มไทยในสนามแรก

    ทีมชาติไทยภายใต้การคุมทีมของโค้ชและทีมงานชุดปัจจุบัน ประเดิมสนามได้อย่างน่าประทับใจ ด้วยการเก็บชัยชนะ 2 นัดรวด มี 6 คะแนนเต็ม และยังไม่เสียเซตให้ใครในการแข่งขัน 2 วันแรก:

    • นัดแรก (9 ก.ค.): ชนะ อินโดนีเซีย 3-1 เซต (22-25, 25-21, 25-22, 25-20)
    • นัดที่สอง (10 ก.ค.): ชนะเจ้าภาพ ฟิลิปปินส์ 3-0 เซต (25-16, 25-22, 26-24)

    จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ทำให้ทีมชาติไทยกลายเป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ในสนามแรกไปครอง โดยมีโปรแกรมสำคัญในวันนี้ (11 ก.ค.) พบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เวียดนาม

    ขุมกำลังนักตบไทยและดาวเด่นที่น่าจับตา

    สำหรับรายชื่อผู้เล่น 14 คนในสนามแรกนี้ นำทัพโดยผู้เล่นมากประสบการณ์และดาวรุ่งฟอร์มแรงผสมผสานกันอย่างลงตัว อาทิ:

    • อมรเทพ คนหาญ: มือตบตรงข้ามหัวเสา (Opposite Hitter) ที่เป็นกำลังหลักในการทำคะแนน
    • อนุรักษ์ พันธุ์รัมย์: ผู้เล่นตำแหน่งหัวเสาที่มีเกมบุกที่ดุดัน
    • ประเสริฐ ปิ่นแก้ว และ กฤษฎา นิลไสว: สองผู้เล่นบอลเร็วที่คอยสร้างปัญหาให้แนวรับคู่ต่อสู้
    • บุญญฤทธิ์ วงศ์ธร: มือเซตมากประสบการณ์ที่คอยบัญชาเกมในสนาม

    ภาพรวมการแข่งขันและคู่แข่งสำคัญ

    ในปีนี้ นอกจากทีมแกร่งอย่างอินโดนีเซียและเวียดนามแล้ว เจ้าภาพฟิลิปปินส์ก็แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม โดยสามารถเอาชนะเวียดนามได้ในนัดเปิดสนาม ทำให้การแข่งขันเพื่อแย่งชิงอันดับในตารางคะแนนเป็นไปอย่างสนุกสูสี ทุกทีมต่างมองว่าทัวร์นาเมนต์นี้คือเวทีสำคัญในการเตรียมความพร้อมก่อนลุยศึกใหญ่ปลายปีอย่าง ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ

    แฟนวอลเลย์บอลชาวไทยต้องร่วมส่งกำลังใจให้ทัพนักตบหนุ่มไทยทำผลงานให้ดีที่สุดต่อเนื่อง เพื่อคว้าแชมป์ทั้งสองสนาม และสร้างความมั่นใจก่อนการแข่งขันซีเกมส์ต่อไป โดยหลังจบสนามแรกที่ฟิลิปปินส์ ทัพนักกีฬาจะเดินทางไปแข่งขันต่อในสนามที่ 2 ณ ประเทศอินโดนีเซีย ระหว่างวันที่ 16-20 กรกฎาคมนี้

  • England vs India: วิเคราะห์ศึกคริกเก็ตเทสต์ ณ สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ Lord’s ชี้ชะตาซีรีส์

    England vs India: วิเคราะห์ศึกคริกเก็ตเทสต์ ณ สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ Lord’s ชี้ชะตาซีรีส์

    สมรภูมิตัวแทนแห่งศักดิ์ศรีของวงการคริกเก็ตกำลังลุกเป็นไฟ เมื่อสองชาติมหาอำนาจอย่าง “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ และ “ทัพภารตะ” ทีมชาติอินเดีย กำลังดวลกันอย่างดุเดือดในซีรีส์การแข่งขันเทสต์แมตช์ 5 นัด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ ICC World Test Championship โดยล่าสุดการต่อสู้ได้เดินทางมาถึงแมตช์ที่ 3 ณ สนาม Lord’s กรุงลอนดอน สังเวียนที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “บ้านแห่งคริกเก็ต” (The Home of Cricket)

    ณ ขณะนี้ (11 กรกฎาคม 2025) การแข่งขันในเทสต์ที่ 3 เพิ่งจะผ่านพ้นวันแรกไป และด้วยผลเสมอ 1-1 ในสองเกมแรก ทำให้แมตช์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการชิงความได้เปรียบในซีรีส์ที่เหลือ

    สถานการณ์ปัจจุบัน: เสมอ 1-1 สุดดุเดือด

    ซีรีส์นี้เริ่มต้นด้วยชัยชนะของอังกฤษในเทสต์แรกที่สนาม Headingley ก่อนที่อินเดียจะกลับมาทวงแค้นได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยชัยชนะขาดลอยในเทสต์ที่สอง ณ สนาม Edgbaston ทำให้การดวลกันที่ Lord’s ครั้งนี้กลายเป็นจุดชี้วัดสำคัญว่าทีมใดจะกุมความได้เปรียบทางจิตใจและโมเมนตัมของซีรีส์ไปครอง

    ความพร้อมของทีมชาติอังกฤษ (England)

    ทัพสิงโตคำรามภายใต้การนำของกัปตัน เบน สโตกส์ (Ben Stokes) ได้รับข่าวดีที่สุดในรอบหลายปี เมื่อเพซเซอร์ (Pacer) หรือผู้ขว้างลูกเร็วระดับโลกอย่าง โจฟรา อาร์เชอร์ (Jofra Archer) ฟิตสมบูรณ์และกลับมาลงสนามในเกมเทสต์เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี การกลับมาของเขาช่วยเสริมความอันตรายให้กับแนวขว้างของอังกฤษได้อย่างมหาศาล

    นอกจากนี้ ผู้เล่นตัวหลักอย่าง โจ รูต (Joe Root) ก็ยังคงเป็นหัวใจในเกมรุกของทีม โดยในวันแรกของเทสต์ที่ 3 เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ช่วยให้ทีมอยู่ในสถานะที่ไม่เป็นรอง

    ความพร้อมของทีมชาติอินเดีย (India)

    ทีมชาติอินเดีย นำโดยกัปตันหนุ่มไฟแรง ชุบแมน กิลล์ (Shubman Gill) มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมหลังจากโชว์ฟอร์มแก้ตัวได้ในเกมที่สอง การกลับมาของยอดเพซเซอร์อย่าง จัสปรีต บุมราห์ (Jasprit Bumrah) ก็ทำให้แนวขว้างของอินเดียกลับมาสมบูรณ์และน่าเกรงขามอีกครั้ง

    ขุมกำลังของอินเดียมีความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับ โดยมีผู้เล่นมากประสบการณ์ที่พร้อมจะพลิกเกมได้เสมอ ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้คาดเดาได้ยากอย่างยิ่ง

    สถิติและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ

    • สถิติการพบกัน (Head-to-Head): ในภาพรวม อังกฤษมีสถิติที่ดีกว่าเมื่อเจอกับอินเดีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเล่นในบ้านตัวเอง
    • สนาม Lord’s: แม้จะเป็นสังเวียนศักดิ์สิทธิ์ แต่ในอดีตสนามแห่งนี้ถือเป็นสนามที่อินเดียทำผลงานได้ไม่ดีนัก ทำให้การแข่งขันครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่พวกเขาต้องก้าวข้าม

    บทวิเคราะห์และแนวโน้มการแข่งขัน

    การแข่งขันในเทสต์ที่ 3 นี้ คือการต่อสู้ที่แท้จริงระหว่างสองทีมที่อยู่ในฟอร์มสุดยอด อังกฤษได้เปรียบในฐานะเจ้าบ้านและการกลับมาของอาร์เชอร์ แต่อินเดียก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีดีพอที่จะเอาชนะได้ทุกที่

    คาดว่าเกมจะดำเนินไปอย่างคู่คี่สูสีตลอดทั้ง 5 วัน และผลแพ้ชนะอาจตัดสินกันด้วยความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยของแต่ละทีม หรือความยอดเยี่ยมเฉพาะตัวของผู้เล่นคนใดคนหนึ่ง นี่คือการดวลกันของคริกเก็ตเทสต์ที่แฟนกีฬาทั่วโลกไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

  • เอม สรรเพชญ์: ลูกไม้ใต้ต้น “ดู๋ สัญญา” สู่เส้นทางพระเอกเต็มตัวที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

    เอม สรรเพชญ์: ลูกไม้ใต้ต้น “ดู๋ สัญญา” สู่เส้นทางพระเอกเต็มตัวที่ไม่ได้มีดีแค่หน้าตา

    นาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก เอม-สรรเพชญ์ คุณากร หนุ่มหล่อโปรไฟล์ดี ดีกรีนักเรียนนอก ที่พกพาความสามารถและความมุ่งมั่นก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงไทยอย่างเต็มตัว ในฐานะทายาทเพียงคนเดียวของพิธีกรและนักแสดงระดับตำนานอย่าง ดู๋-สัญญา คุณากร ทุกย่างก้าวของเขาจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ

    แต่เอม สรรเพชญ์ ก็พร้อมที่จะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ได้มีดีแค่ “นามสกุล” แต่มีความสามารถที่พร้อมจะเฉิดฉายในวงการนี้ด้วยตัวเอง

    จากเด็กหนุ่มนักชีววิทยา สู่เส้นทางสายบันเทิง

    เอม สรรเพชญ์ คุณากร เกิดเมื่อวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2543 จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนนานาชาติ ISB (International School Bangkok) และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก Loyola Marymount University รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยดีกรีด้านชีววิทยา (Biology) ซึ่งดูเหมือนเป็นเส้นทางที่แตกต่างจากวงการบันเทิงโดยสิ้นเชิง

    แต่ด้วยความสนใจและความรักในศิลปะการแสดง ประกอบกับแรงสนับสนุนจากครอบครัว ทำให้เอมตัดสินใจเดินตามรอยคุณพ่อ ก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัว โดยเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัด เดอะ วัน เอ็นเตอร์ไพรส์ (The One Enterprise)

    บทพิสูจน์ฝีมือในฐานะพระเอก “9 YEARS OF YOU แต่ละปีที่มีเธอ”

    เอมได้ประเดิมบทบาทพระเอกครั้งแรกในซีรีส์โรแมนติกดราม่า “9 YEARS OF YOU แต่ละปีที่มีเธอ” ในบทบาทของ “ภารัณ” ซึ่งการแสดงของเขาก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนๆ สามารถถ่ายทอดเคมีคู่กับนางเอกได้อย่างน่าประทับใจ และทำให้ชื่อของ เอม สรรเพชญ์ กลายเป็นที่รู้จักในวงกว้างในฐานะ “นักแสดง” ไม่ใช่แค่ “ลูกชายดู๋ สัญญา”

    เผชิญดราม่าและบทพิสูจน์ความสามารถ

    เช่นเดียวกับดาวรุ่งหลายๆ คน เส้นทางของเอมก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป ล่าสุดเขาต้องเผชิญกับกระแสวิจารณ์ในโลกออนไลน์ หลังจากได้รับเลือกให้พากย์เสียงตัวละครระดับโลกอย่าง “ซูเปอร์แมน” ในฉบับภาพยนตร์แอนิเมชัน ซึ่งหลายคนมองว่าเสียงของเขายังไม่เหมาะสมกับบทบาทดังกล่าว

    อย่างไรก็ตาม ทั้งตัวเอมและต้นสังกัดก็ได้ออกมาชี้แจงว่า เขาผ่านกระบวนการคัดเลือกนักพากย์ (Casting) มาอย่างถูกต้อง ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์ใดๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาที่พร้อมจะรับทุกคำติชมเพื่อนำไปพัฒนาฝีมือต่อไป

    อีกหนึ่งบทบาทบนสังเวียนผ้าใบ

    นอกเหนือจากด้านการเรียนและการแสดง หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าเอมมีความสามารถด้านกีฬาการต่อสู้ โดยเฉพาะมวยสากล ซึ่งเขาเคยขึ้นชกและคว้าชัยชนะมาแล้วบนเวที “Ignite Warrior Championship” มาแล้วอีกด้วย

    ปฏิเสธไม่ได้ว่าการเป็นลูกชายของ “ดู๋ สัญญา” คือใบเบิกทางชั้นดีที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จัก แต่ เอม สรรเพชญ์ กำลังใช้ความสามารถ ความพยายาม และความอ่อนน้อมถ่อมตน เพื่อสร้างเส้นทางและพิสูจน์ตัวตนในวงการบันเทิงด้วยสองมือของเขาเอง ซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าจับตาและน่าเอาใจช่วยอย่างยิ่ง