a very tall building with a gold spire
| | |

วางแผนเที่ยววันหยุดยาว: เข้าพรรษา 2568 (10-13 ก.ค.) สัมผัสประเพณีฉ่ำใจ ชาร์จพลังกับธรรมชาติเขียวขจี

ลมฝนโปรยปรายเป็นสัญญาณแห่งความชุ่มชื้น และยังนำพาวันหยุดยาวสุดสัปดาห์เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษามาให้เราได้พักข่อนกันอีกครั้งในปี 2568 นี้ ซึ่งตรงกับ วันพฤหัสบดีที่ 10 และวันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องยาว 4 วันเต็ม (พฤหัสฯ-อาทิตย์) เป็นโอกาสอันดีที่จะได้ออกเดินทางไปสัมผัสเสน่ห์ของประเทศไทย ไม่ว่าจะไปร่วมงานบุญใหญ่ตามประเพณี หรือจะไปดื่มด่ำกับธรรมชาติเขียวขจีในช่วงกรีนซีซั่นที่สวยที่สุด

บทความนี้ได้รวบรวมหลากหลายไอเดียการเดินทางมาให้คุณได้เลือกวางแผนเที่ยวกันล่วงหน้า ชอบแบบไหน สไตล์ไหน เตรียมเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทางกันได้เลย!

A beautiful sunset over a lake with clouds in the sky
Photo by Charlie Jiang on Unsplash

สายวัฒนธรรม: สืบสานประเพณีแห่เทียนพรรษาสุดอลังการ

วันเข้าพรรษาถือเป็นเทศกาลงานบุญที่ยิ่งใหญ่ของไทย โดยเฉพาะประเพณี “แห่เทียนพรรษา” ที่แต่ละจังหวัดจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่และมีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ใครอยากสัมผัสบรรยากาศงานบุญสุดขลังต้องไม่พลาด

1. จ.อุบลราชธานี: “ราชธานีแห่งเทียนพรรษา”

ที่สุดของงานประเพณีแห่เทียนต้องยกให้ที่นี่ พบกับ “ต้นเทียนพรรษา” ที่ถูกแกะสลักอย่างวิจิตรงดงามโดยช่างฝีมือจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งประเภทแกะสลัก ติดพิมพ์ และเทียนโบราณ ชมขบวนแห่สุดยิ่งใหญ่ตระการตาทั้งกลางวันและกลางคืน พร้อมกิจกรรม “เยือนชุมชน ชมวิถีทำเทียน” ที่จะทำให้คุณอินกับเรื่องราวเบื้องหลังมากขึ้น

2. จ.สระบุรี: ประเพณีหนึ่งเดียวในโลก “ตักบาตรดอกเข้าพรรษา”

สัมผัสประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ชมขบวนแห่พยุหยาตราและขบวนวัฒนธรรมที่สวยงาม และร่วม “ตักบาตรดอกเข้าพรรษา” ซึ่งใช้ “ดอกหงส์เหิน” ที่จะบานสะพรั่งเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น ถือเป็นสิริมงคลสูงสุดและเป็นภาพที่งดงามน่าประทับใจ

3. จ.สุพรรณบุรี: งานประเพณีแห่เทียนพรรษาและวัฒนธรรมพื้นบ้าน

ชมความยิ่งใหญ่ของขบวนแห่เทียนพรรษาของทั้ง 10 อำเภอ ที่นำเสนอเรื่องราวพุทธประวัติและวิถีชีวิตของชาวสุพรรณบุรีผ่านศิลปะบนต้นเทียน พร้อมชมการแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หาชมได้ยาก เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่จัดงานได้ยิ่งใหญ่และมีเสน่ห์ไม่แพ้ใคร

สายธรรมชาติ: กอดสายหมอก จิบกาแฟกลางทุ่งนาเขียวขจี

สำหรับใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวายไปชาร์จพลังกับธรรมชาติ ช่วง Green Season แบบนี้คือช่วงเวลาที่ดีที่สุด เพราะต้นไม้และทุ่งนาจะเขียวชอุ่ม สดชื่นสบายตาที่สุด

1. เขาค้อ – ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์: ตามล่าทะเลหมอก

จุดหมายปลายทางยอดฮิตตลอดกาลของฤดูฝน ตื่นเช้ามาจิบกาแฟชมทะเลหมอกหนาๆ ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่เบื้องหน้า มีที่พักและคาเฟ่สวยๆ ให้เลือกมากมายที่สามารถชมวิวได้จากเตียงนอน อากาศเย็นสบายตลอดทั้งวัน เหมาะกับการไปพักผ่อนให้ธรรมชาติบำบัดอย่างแท้จริง

2. อ.ปัว – สะปัน จ.น่าน: ใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์กลางทุ่งนา

สัมผัสเสน่ห์ของเมืองน่านเนิบๆ ที่สวยงามที่สุดในช่วงฤดูฝน ปั่นจักรยานชมวิวทุ่งนาสีเขียวสุดลูกหูลูกตาใน อ.ปัว หรือนอนโฮมสเตย์ริมลำธารที่หมู่บ้านสะปัน อ.บ่อเกลือ ที่นี่จะทำให้คุณได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ลืมเรื่องวุ่นวายในเมืองไปได้เลย

3. จ.กาญจนบุรี: นอนแพริมน้ำ ฟังเสียงฝน เล่นน้ำตก

หากไม่อยากเดินทางไกล กาญจนบุรีคือคำตอบ นอนแพริมแม่น้ำแคว ตื่นเช้ามาเจอสายน้ำและขุนเขาที่ถูกสายฝนชะล้างจนสดชื่น หรือไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติเอราวัณและไทรโยค ซึ่งเป็นช่วงที่น้ำตกมีปริมาณน้ำมากที่สุด ทำให้สวยงามกว่าฤดูไหนๆ

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางช่วง Green Season

  • จองที่พักล่วงหน้า: เนื่องจากเป็นวันหยุดยาว ที่พักในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอาจเต็มเร็ว
  • ตรวจเช็คสภาพรถ: การเดินทางในฤดูฝน ถนนอาจลื่นกว่าปกติ ควรเช็กลมยางและระบบเบรกให้พร้อม
  • เตรียมอุปกรณ์กันฝน: ร่ม, เสื้อกันฝน, และถุงกันน้ำสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งจำเป็น
  • ตรวจสอบเส้นทาง: ในบางพื้นที่อาจมีดินสไลด์หรือน้ำท่วม ควรตรวจสอบข่าวสารและเส้นทางก่อนออกเดินทาง

บทสรุป: ความสุขในวันหยุดยาวที่เลือกได้

ไม่ว่าคุณจะเป็นสายบุญที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมประเพณีอันงดงาม หรือเป็นสายธรรมชาติที่ต้องการความสงบเพื่อชาร์จพลังให้กับชีวิต วันหยุดยาวเนื่องในวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา 2568 นี้ ก็มีคำตอบให้คุณเสมอ ขอให้ทุกคนมีความสุขและเดินทางโดยสวัสดิภาพครับ

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *