people sitting down near table with assorted laptop computers
| | | |

5 โปรแกรม AI ฟรี ที่ช่วยครูทำงานไวขึ้น 10 เท่าในปี 2025

ทำไมครูควรใช้ AI ในการทำงาน?

AI กำลังเปลี่ยนแปลงวงการการศึกษาอย่างรวดเร็ว ครูสามารถใช้ AI เพื่อช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซาก, เพิ่มประสิทธิภาพในการสอน, และจัดการข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว โปรแกรม AI ฟรีหลายตัวสามารถช่วยให้ครูทำงานได้ไวขึ้นถึง 10 เท่า!

วิธีเลือกโปรแกรม AI ที่เหมาะกับครู

  • ต้องใช้งานง่าย – ควรเลือกโปรแกรมที่มีอินเทอร์เฟซ (Interface) ที่เข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน
  • รองรับภาษาไทย – หากต้องการใช้ AI ในการสอนหรือสร้างสื่อภาษาไทย ควรเลือกโปรแกรมที่รองรับภาษาไทยได้ดี
  • ช่วยลดภาระงาน – ควรเลือก AI ที่มีฟังก์ชันช่วยจัดการเอกสาร, วางแผนการสอน, หรือสร้างเนื้อหาได้จริง
  • มีความน่าเชื่อถือ – ควรเลือกโปรแกรมจากผู้ให้บริการที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ยอมรับ เช่น Google, Microsoft, OpenAI

5 โปรแกรม AI ฟรี ที่ช่วยครูทำงานไวขึ้นในปี 2025

1. ChatGPT (โดย OpenAI)

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ช่วยคิดและเขียนอเนกประสงค์
  • ครูใช้ทำอะไรได้บ้าง:
    • สร้างแผนการสอน (Lesson Plan): แค่บอกหัวข้อ, ระดับชั้น, และเวลาที่ใช้ AI ก็จะร่างแผนการสอนพร้อมกิจกรรมมาให้
    • คิดไอเดียกิจกรรมในห้องเรียน: ช่วยระดมสมองหากิจกรรมใหม่ๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของนักเรียน
    • สร้างแบบทดสอบ: ออกข้อสอบได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งปรนัย, อัตนัย, และคำถามปลายเปิด
    • ย่อยเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย: อธิบายหัวข้อที่ซับซ้อนด้วยภาษาที่นักเรียนเข้าใจได้ง่ายขึ้น

2. Canva (ฟีเจอร์ Magic Studio)

  • เหมาะสำหรับ: การสร้างสื่อการสอนและใบงานที่สวยงาม
  • ครูใช้ทำอะไรได้บ้าง:
    • Magic Write: ช่วยเขียนข้อความสำหรับใบงาน (Worksheet), โปสเตอร์, หรือสไลด์นำเสนอ
    • Magic Design: แค่พิมพ์บอกว่าอยากได้งานออกแบบเกี่ยวกับอะไร AI ก็จะสร้างเทมเพลตสวยๆ มาให้เลือกหลายแบบ
    • Text to Image: สร้างรูปภาพประกอบการสอนที่ไม่เคยมีมาก่อนจากคำสั่งข้อความ

3. Gamma (Gamma.app)

  • เหมาะสำหรับ: การสร้างสไลด์นำเสนอ (Presentation) ในพริบตา
  • ครูใช้ทำอะไรได้บ้าง:
    • สร้างสไลด์จากหัวข้อเดียว: เพียงพิมพ์หัวข้อที่ต้องการนำเสนอ เช่น “วัฏจักรของน้ำ” AI ก็จะสร้างสไลด์ทั้งชุดพร้อมเนื้อหาและรูปภาพประกอบให้ทันที
    • เปลี่ยนเอกสารเป็นสไลด์: นำเข้าไฟล์เอกสาร Word หรือ PDF แล้วให้ AI ช่วยแปลงเป็นสไลด์ที่สวยงาม
    • ประหยัดเวลาในการออกแบบสไลด์ไปได้มหาศาล

4. Diffit (Diffit.me)

  • เหมาะสำหรับ: การสร้างสื่อการสอนจากเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว
  • ครูใช้ทำอะไรได้บ้าง:
    • ปรับระดับภาษา: นำบทความ, ข่าว, หรือลิงก์วิดีโอ YouTube มาให้ AI ช่วยย่อยเนื้อหาและปรับภาษาให้เหมาะกับระดับชั้นของนักเรียน
    • สร้างชุดคำถามและคำศัพท์: จากเนื้อหาที่นำเข้ามา AI จะสร้างคำถามเพื่อทดสอบความเข้าใจและสรุปคำศัพท์สำคัญให้โดยอัตโนมัติ
    • เป็นเครื่องมือที่ยอดเยี่ยมสำหรับการสร้างใบงานที่แตกต่างกันสำหรับนักเรียนที่มีความสามารถหลากหลาย

5. Microsoft Copilot (ใน Bing และ Microsoft 365)

  • เหมาะสำหรับ: ผู้ช่วยค้นคว้าข้อมูลล่าสุดและงานเอกสาร
  • ครูใช้ทำอะไรได้บ้าง:
    • ค้นคว้าข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน: เนื่องจากเชื่อมต่อกับ Bing ทำให้ Copilot สามารถให้ข้อมูลที่ใหม่และอ้างอิงแหล่งที่มาได้
    • สรุปเนื้อหาจากเว็บ: ส่งลิงก์เว็บไซต์ให้ Copilot ช่วยสรุปประเด็นสำคัญเพื่อนำมาใช้ในการสอน
    • ช่วยงานใน Word, Excel, PowerPoint: (สำหรับเวอร์ชันที่มากับ Microsoft 365) ช่วยร่างเอกสาร, วิเคราะห์ข้อมูล, และออกแบบสไลด์

ข้อควรระวังในการใช้ AI ในการศึกษา

  • ตรวจสอบความถูกต้องเสมอ: AI อาจให้ข้อมูลผิดพลาดได้ (Hallucination) ครูต้องทำหน้าที่ตรวจสอบความจริงก่อนนำไปใช้สอนเสมอ
  • ระวังเรื่องข้อมูลส่วนบุคคล: ห้ามป้อนข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อนของนักเรียนลงในโปรแกรม AI
  • ใช้เป็น “ผู้ช่วย” ไม่ใช่ “ผู้ทำแทน”: AI ควรเป็นเครื่องมือเริ่มต้นความคิดสร้างสรรค์ ไม่ใช่เครื่องมือที่ผลิตงานสำเร็จรูปโดยปราศจากการขัดเกลาจากครู

บทสรุป: AI คือผู้ช่วยที่จะเข้ามาปลดล็อกเวลาและพลังสร้างสรรค์ให้กับคุณครู การเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือเหล่านี้อย่างชาญฉลาด จะช่วยลดภาระงานที่ซ้ำซาก และทำให้ครูมีเวลาไปโฟกัสกับสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “การดูแลและสร้างปฏิสัมพันธ์กับนักเรียน”

Similar Posts

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *